วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2556
ดนตรีเกาหลี
ดนตรีและนาฏศิลป์เป็นวิธีบวงสรวงในศาสนาและธรรมเนียมประเพณีสืบเนื่องมาตลอดยุคสามอาณาจักร เครื่องดนตรีมากกว่า 30 ชนิดใช้ระหว่างยุคสามอาณาจักร โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่น่าจดจำ คือ เฮียนฮักกึม (ขิมนกกระเรียนดำ) ซึ่ง วาง ซัน-อัก แห่ง โกกุริว ประดิษฐ์ขึ้นโดยการประยุกต์ขิมเจ็ดสายของราชวงศ์จินของจีน เครื่องดนตรีที่มีชื่อเสียงอีกอย่างหนึ่ง คือ กายากึม (ขิม กายา) ซึ่งใช้ในสมัยกายา (ช่วง 42 – 562 ) นำมาจากชิลลาโดย อูรึก กายากึม 12 สาย ยังคงเล่นกันในดนตรีเกาหลีสมัยใหม่
โกคูรยอมีธรรมเนียมด้านดนตรีตามอย่างซิลลาในระยะแรก แต่มีการเปลี่ยนแปลงหลายแนวในเวลาต่อมา ในสมัยโกคูรยอมีดนตรี 3 ประเภท คือ ดังกัก หมายถึงดนตรจากราชวงศ์ถังของจีน เฮียนกัก หรือดนตรีหมู่บ้าน และอัก หรือดนตรีในราชสำนัก ดนตรีโกคูรยอบางชิ้นได้รับการตกทอดมาจากโชซอนและยังคงเล่นในงานพิธีต่าง ๆ อยู่จนทุกวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพิธีเคารพบรรพบุรุษ ในทางดนตรีและนาฏศิลป์ดั้งเดิมของยุคสามอาณาจักรรุ่งเรืองในสมัยโกคูรยอระยะแรก แต่ต่อมามีการผสมผสาน ความหลากหลายด้วยการนำเอานาฏศิลป์ของราชสำนักและศาสนาจากราชวงศ์ซ้องของจีนเบื้องต้นเข้ามาด้วย ระหว่างยุคราชวงศ์โชซอน ดนตรีถือกันว่าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการทำพิธีในศาสนา และการประกอบพิธีต่าง ๆ ตอนต้นของราชวงศ์ มีการก่อตั้งหน่วยงานสองแห่งที่ทำหน้าที่ด้านดนตรีและพยายามที่จะจัดและปรับปรุงตำราด้านดนตรี เป็นผลทำให้เกิดกฎด้านดนตรีซึ่งเรียกว่า อักฮัมกวีบึม เกิดขึ้นเมื่อ ปี 1493
หนังสือเล่มนี้แบ่งประเภทของดนตรีที่เล่นในราชสำนักออกเป็น 3 ประเภท คือ ดนตรีสำหรับการประกอบพิธี ดนตรีของจีนและเพลงของพื้นเมืองดั้งเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัชสมัยของพระเจ้าเซจง โน้ตเพลงสำหรับเครื่องดนตรีได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่นอกจากดนตรีในราชสำนัก เช่น ดันกัก และ ฮยังกัก ก็มีการสืบเนื่องต่อมา นาฏศิลป์พื้นบ้าน รวมถึงระบำของชาวนา ระบำของหมอผีและระบำของพระ กลายเป็นที่นิยมกันในสมัยของโชซอน รวมทั้งระบำใส่หน้ากากซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่า ซันแดโนริและระบำหุ่น ระบำใส่หน้ากากเป็นการผสมผสานระหว่างการเต้นและการเล่าเรื่อง รวมทั้งมีเรื่องราวของการเข้าทรง จึงเข้าถึงชนชั้นระดับล่างได้มาก การแสดงนี้มักจะเน้นเสียงโดยการเปลี่ยนเสียงล้อเลียนเสียดสีพวกผู้ดี ซึ่งผู้ชมที่เป็นชาวบ้านจะชื่นชอบมาก นาฏศิลป์แบบดั้งเดิมจะได้รับอิทธิพลจากลัทธิขงจื๊อและพระพุทธศาสนา อิทธิพลจากลัทธิขงจื๊อมักจะถูกระงับในขณะที่พระพุทธศาสนาได้รับการอนุญาตให้แสดงในนาฏศิลป์ของราชสำนักที่สวยงาม และระบำของหมอผีในงานศพ นาฏศิลป์ดั้งเดิมจำนวนมากถูกยกเลิกไประหว่างญี่ปุ่นเข้าครอบครองเกาหลีเป็นอาณานิคม เช่นเดียวกับการพัฒนาอุตสาหกรรม และการขยายเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของเกาหลีในทศวรรษที่ 1960 และ 1970 ในทศวรรษที่ 1980 ประชาชนเริ่มคิดที่จะฟื้นฟูนาฏศิลป์ที่ถูกลืมไปเป็นเวลานานให้กลับคืนมา มีนาฏศิลป์ต้นแบบ 56 ชุด แต่ทุกวันนี้มีจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นที่เป็นที่รู้จัก นาฏศิลป์เหล่านี้รวมถึง ชูยองมู (ระบำหน้ากาก) ของซิลลา ฮักมู (ระบำนกกระเรียน) ยุคโกคูรยอ และชูแนงชอน (ระบำนกไนติงเกลที่ร้องเพลงในฤดูใบไม้ผลิ) ยุคโชซอน ระบำทั้งหมดนี้อยู่ในชุด “มรดกทางวัฒนธรรม” โดยรัฐบาลอุปถัมภ์นักแสดงมืออาชีพด้วย “ปูชนียบุคคลด้านวัฒนธรรม” ซึ่งเป็นเกียรติอย่างสูงสุดสำหรับผู้สร้างสรรค์ผลงานทางด้านศิลปะและงานฝีมือ มีการพัฒนานาฏศิลป์สมัยใหม่ในเกาหลีอย่างกว้างขวาง โจ แทก-วอน และชอย ซึง-ฮี เป็นผู้ริเริ่มในช่วงที่ตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น ต่อมาในยุคที่ได้รับอิสรภาพ บริษัทโซลบัลเลต์ ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1950 และกลายเป็นองค์กรแรกที่จัดแสดงบัลเลต์และการเต้นรำสมัยใหม่
ในปี 1893 ดนตรีตะวันตกเข้ามาในเกาหลีพร้อมกับเพลงสวดคริสต์ศาสนาและเริ่มสอนในโรงเรียนเมื่อปี 1904 ชังกา เป็นเพลงร้องสมัยใหม่ตามแนวตะวันตก และการตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่นเป็นเวลานาน เพลบงชักกาจัง มีเนื้อร้องที่แสดงถึงความรักชาติเกาหลี จิตวิญญาณความเป็นเอกราช การศึกษาและวัฒนธรรมใหม่ ในปี 1919 ฮัง นัน-ปา แต่งเพลง บองซอนฮวา (Touch – me – not) ในรูแบบของเพลงซังกา หลังจากเกาหลีได้รับอิสรภาพในปี 1945 วงดนตรีออเคสตราแบบตะวันตกของเกาหลีมีวงออร์เคสตราโกเรีย ฟิลฮาร์โมนิค โซไซตีทุกวันนี้ มีวงออร์เคสตราเกือบ 50 วงทั้งในกรุงโซล และในต่างจังหวัด นักดนตรีเกาหลีจำนวนมากที่ออกไปแสดงนอกประเทศ ได้รับการต้อนรับจากผู้ชมคอนเสิร์ตและรับรางวัลจากการแข่งขันระหว่างประเทศ วงดนตรีที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ วงซุง ทริโอ ผู้ควบคุมวงและผู้เล่นเปีย
ชุง มยอง-ฮวุน ชุง มยอง-ฮวา ผู้เล่นเชลโล และชุงคยอน ผู้เล่นไวโอลิน นักร้องเสียงโซปราโน ได้แก่ ซู-มิ ชิน ยัง-ออก และ ฮง ไฮ- กยอง ซึ่งทุกคนได้แสดงเป็นที่น่าประทับใจในวงการดนตรีนานาชาติและมีบทบาท เป็นผู้นำในการจัดแสดงที่โอเปราแห่งนิวยอร์กและการแสดงบนเวทีตามสถานที่ต่าง ๆ ที่เป็นที่รู้จักกันดี นอกจากนี้ ยังมีการบันทึกเสียงกับบริษัทดนตรีที่มีชื่อเสียงด้วย เมื่อสิงหาคมปี 1997 “เดอะ ลาส เอมเพรส” (The Last Empress) เป็นดนตรีที่บรรยายถึงช่วงระยะสุดท้ายของพระมหากษัตริย์ และจักรพรรดินีเมียงเซียงของเกาหลี ซึ่งจัดแสดงที่นิวยอร์กได้รับการต้อนรับอย่างกว้างขวางทางสื่อมวลชนอเมริกัน เป็นการนำเนอเรื่องเล่าผ่านดนตรี แสดงถึงความกล้าหาญมีจุดมุ่งหมายที่จะเสนอโอกาสที่มีค่าด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเกาหลีให้แก่คนอเมริกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนอเมริกัน – เกาหลี เพื่อเป็นการสงวนรักษาและพัฒนาศิลปการแสดง และดนตรีของเกาหลีให้ความเจริญต่อไป ศูนย์ศิลปการแสดงประเพณีแห่งชาติเกาหลีได้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 1951 รัฐบาลได้จัดตั้งมหาวิทยาลัยศิลปะแห่งชาติเกาหลีขึ้นในปี 1993 เพื่อเปิดสอนทางด้านศิลปะและอบรมฝึกฝนศิลปินอาชีพในระดับโลก มหาวิทยาลัยนี้มี 6 สถาบัน คือ ดนตรี ละคร นาฏศิลป์ ทัศนศิลป์ ภาพยนตร์และสื่อประสม และศิลปะพื้นบ้านเกาหลี สถาบันดนตรีและนาฏศิลป์ตั้งอยู่ที่ เซียวโช-ดอง ส่วนสถาบันอื่น ๆ อยู่ที่ ซอกกวาน-ดอง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น